Need to pass a drug test? SEE HOW IT WORKS!
Woman attracts Men

สวยใส สไตล์เกาหลี

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โรคมะเร็งตับ





ชนิดของมะเร็งตับ
  1. Angiosarcomas or hemangiosarcomas เกิดจากเซลล์หลอดเลือดในตับพบมากในผู้ป่วยที่สัมผัส vinyl chloride or to thorium dioxide (Thorotrast) สารvinyl chloride เป็นสารเคมีที่ใช้ในงานพลาสติก มะเร็งชนิดนี้พบน้อย แพร่กระจายเร็วส่วนมากผ่าตัดไม่ได้ การรักษาให้เคมีบำบัด
  2. Cholangiocarcinoma เป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ของท่อน้ำดี พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ภาคอิสาน ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อมะเร็งชนิดนี้ได้แก่ ผู้ที่มีพยาธิใบไม้ในตับ นิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งนี้พบได้ 13%ของมะเร็งตับ ผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ตับโต และปวดท้อง เนื่องจากก้อนมีขนาดใหญ่ทำให้ผ่าตัดได้ไม่หมดมักต้องให้เคมีบำบัด และฉายแสงมักจะมีอายุ 6 เดือนหลังการวินิจฉัย
  3. Hepatoblastoma เป็นมะเร็งพบในเด็ก ถ้าพบในระยะเริ่มต้นการผ่าตัดจะได้ผลดี
  4. Hepatocellular carcinoma เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดเกิดจากเซลล์ของตับ

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งตับ

อัตราเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งตับ เฉลี่ยระหว่างผู้ชายและผู้หญิงคือ 4.6 : 1 คือพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ส่วนใหญ่แล้วจะพบในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง ดังต่อไปนี้คือ

  1. ผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบ บี จะพบในอัตรา 0.4–0.6 % ของผู้ป่วยดังกล่าว
  2. ผู้ป่วยที่เป็นโรค ไวรัสตับอักเสบซี
  3. ผู้ ป่วยที่มีภาวะตับแข็ง ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส จากการใช้ยา จากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จากธาตุเหล็กและแคลเซี่ยม
  4. ผู้ป่วยที่ได้รับสารอะฟลาทอกซิน
  5. ผู้ป่วยที่มีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นมะเร็งตับ หรือโรคไวรัสตับอักเสบบี
  6. ยาฮอร์โมนเพศชาย ที่ใช้รักษาโรคโลหิตจาง หรือการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ พบว่ามีการเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ
  7. สารหนู หากได้รับติดต่อกันก็เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งตับ
  8. สูบบุหรี่ บางรายงานกล่าวว่าการสูบบุหรี่ทำให้มะเร็งตับเพิ่ม
อาการของโรคมะเร็งตับ
  1. ไม่แสดงอาการผิดปกติทางร่างกาย แต่จะตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจเลือด
  2. มีอาการปวดแน่นท้อง
  3. น้ำหนักลด มีอาการอ่อนเพลีย และมีไข้
  4. เบื่ออาหาร
  5. มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต และขาบวม
  6. มีอาการเลือดออกง่าย อาเจียนเป็นเลือด
  7. มีอาการซึมและสับสน

วิธีการตรวจหามะเร็งตับ

ตรวจหาสารอัลฟลาฟีโตโปรตีน : เป็นสารที่เป็นตัวบ่งชี้ เพื่อการวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคมะเร็งตับ หากตรวจพบสารอัลฟลาฟีโตโปรตีนในเลือดมีระดับสูงมากก็จะช่วยในการวินิจฉัยโรค ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับประมาณ 60 % จะตรวจพบสารนี้อยู่ในระดับที่สูงมาก

การตรวจวินิจฉัยด้วยภาพ : มีอยู่หลายวิธี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้กำหนด การตรวจว่าจะใช้วิธีใด หรือหลายวิธีรวมกัน เพื่อความแม่นยำในการวินิจฉัยโรค คือ

  1. การทำอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อหาความผิดปกติของตับ
  2. เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
  3. การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) แพทย์จะใช้ผลการตรวจด้วยภาพประกอบกับผลการตรวจระดับ อัลฟ่าฟีโตโปรตีน ในการวินิจฉัยโรคมะเร็งตับ

การเจาะชิ้นเนื้อตับมาตรวจ

การตรวจคัดกรอง : เป็นการตรวจโดยอาศัยปัจจัยอื่นโดยรอบเข้ามาประกอบการวินิจฉัยปัจจัยเสี่ยงต่างๆ คือ

  1. ผู้ป่วยที่มีภาวะตับแข็ง จากทุกสาเหตุ
  2. ผู้ป่วยที่มีที่อาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และ ซี
  3. ผู้ป่วยที่มีอาการตับอักเสบเรื้อรัง

สำหรับผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงควรปฏิบัติดังนี้

  1. ตรวจเลือด ตรวจการทำงานของตับ ตรวจค่าบ่งชี้การเป็นมะเร็งตับ ทุก 3–6 เดือน
  2. ตรวจอัลตราซาวด์ทุก 6 เดือน

การป้องกันโรคมะเร็งตับ

เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงและป้องกันการเป็นโรคมะเร็งตับ ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

  1. ควรรับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
  2. ไม่รับเลือดนอกจากกรณีจำเป็น
  3. ลด งด หรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกประเภท
  4. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีสารอะฟลาทอกซิน เช่น ถั่วลิสงคั่วที่มีสารอะฟลาทอกซิน
  5. งดการฉีดยาเข้าเส้น งดการเสพยาเสพติดโดยการฉีด
  6. ไม่ใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น
  7. ผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง เช่น ไวรัสบี และซี ควรดูแลและรักษาสุขภาพอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์
ข้อมูลจาก www.siamhealth.net
และ www.bangkokhealth.com




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เสื้อคู่ตัดพิเศษ ทุกไซด์

เสื้อครอบครัว / เสื้อคู่แม่ลูก

หมอนอิงคู่ / ชุดชั้นในเพื่อเธอ